ความจริงในความฝัน - ความจริงในความฝัน นิยาย ความจริงในความฝัน : Dek-D.com - Writer

    ความจริงในความฝัน

    ผมไม่รู้ว่าความฝันนั้นคืออะไร...แต่เธอมีอยู่จริง สำหรับผมแล้ว มันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผมที่ทำให้ผมได้พบกับเธอ ที่ทำให้ผมได้รักเธอ...

    ผู้เข้าชมรวม

    616

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    616

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ธ.ค. 49 / 19:49 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    นี่เป็นเรื่องสั้นที่ผมส่งเข้าประกวดในงาน
    "Pendragon: ผจญภัยในโลกต่างมิติ"
    ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับรางวัลแต่ผมก็ภาคภูมิใจในผลงานชิ้นนี้มาก

    ผมได้นำมารีไรท์ใหม่ให้เนื้อหาสะเทือนอารมณ์มากขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
    เชิญติชมได้เลยนะครับ

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


                      ท้องฟ้า? ทำไมผมจึงมองเห็นท้องฟ้าในตอนนี้ล่ะ?
      ผมเพิ่งเข้านอนนี่นา?

                      ผมค่อยๆยันกายท่อนบนขึ้นอย่างช้าๆด้วยความงัวเงีย เมื่อหันมองดูรอบๆก็พบว่าตัวผมนอนอยู่บนเนินหญ้ากว้างใหญ่สีเขียวขจีที่มีดอกไม้และพุ่มไม้นานาพรรณขึ้นอยู่รายรอบ ผีเสื้อและนกตัวน้อยๆสีสันสวยงามอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนบินวนไปมาเหมือนกำลังหยอกล้อกับสายลมและดอกไม้ เบื้องหน้าผมคือทะเลสาบที่สวยใสเป็นสีเขียวน้ำทะเล แสงแดดสะท้อนกับน้ำส่องประกายระยิบระยับดุจอัญมณี ภูเขาที่มีหิมะปกคลุมตัดกับทะเลสาบที่เส้นขอบฟ้าช่างงดงามราวกับสรวงสวรรค์

                       ผมลุกขึ้นยืนช้าๆ เมื่อเอามือปัดเศษใบไม้ใบหญ้าตามตัวก็พบว่าผมอยู่ในชุดนอนตัวโปรดของผม หรือว่านี่คือความฝัน? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็น่าเสียดาย เพราะอุตส่าห์ได้ฝันมาที่สวยๆแบบนี้ก็น่าจะมาในชุดที่เหมาะสมกว่านี้สักหน่อย

                      ผมเริ่มออกเดินไปทีละก้าวโดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี ได้แต่ปล่อยขาและเท้าของผมให้มันเดินไปเรื่อยๆโดยที่สมองไม่ได้สั่งการ น่าแปลกที่ผมกลับเดินลงเนินไปเป็นเส้นตรงเหมือนจะมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบที่อยู่ตรงหน้า แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ยังคงปล่อยใจไปกับธรรมชาติที่แสนสดชื่นรอบตัว

                      จากนั้นไม่นานผมก็มาถึงทะเลสาบ น้ำที่ใสจนมองเห็นก้อนหินที่จมอยู่ที่พื้นทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสมัน ความเย็นสดชื่นที่สัมผัสได้ทำให้ผมแทบจะอยากกระโจนลงไปเล่นน้ำให้เต็มที่ แต่ผมก็ห้ามใจไว้แล้วออกเดินต่อไปตามริมฝั่งของทะเลสาบ ทันใดนั้น ผมก็สังเกตเห็นเงาของคนภายใต้หมอกจางๆที่พลางอยู่เบื้องหน้า

                      ผมไม่รอช้ารีบวิ่งไปทันที ทว่าเงาที่ผมเห็นนั้นกลับอยู่ใกล้กว่าที่ผมคิดเอาไว้ เพียงไม่นานก็ปรากฏร่างด้านหลังของหญิงสาวที่สวมชุดวันพีชแขนสั้นสีขาว เธอนั่งบนเก้าอี้ไม้และกำลังใช้ดินสอร่างรูปบนแผ่นภาพขนาดกลางที่ตั้งอยู่บนขาตั้งอยู่ ผมยาวสลวยของเธอพริ้วไปตามลมโชยอ่อนๆ   

                  ผมเดินเข้าไปหาเธอช้าๆด้วยความสงสัยว่าเธอเป็นใครและด้วยกลัวว่าจะทำให้เธอตกใจ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเดินเข้าไปใกล้ เธอก็วางดินสอลงแล้วหันมาทางผม ฝ่ายที่ตกใจจึงกลายเป็นผมเสียเอง ต่างจากเธอที่จ้องมองผมนิ่งๆในตอนแรกแล้วอมยิ้มหวานให้ผม

                      เธอเป็นผู้หญิงที่ดูเรียบร้อยและบอบบาง ริมฝีปากแดงเย้ยกลีบกุหลาบ แก้มสีชมพูระเรื่อบนผิวหน้าที่สวยใส หากเธอบอกว่าเธอคือนางฟ้าของที่นี่ผมก็เชื่อมั่นอย่างสนิทใจ

                      ฉันชื่อ ระริน ค่ะ เสียงที่ไพเราะของเธอพูดกับผมอย่างเป็นกันเองราวกับว่าเธอรู้จักกับผมมาก่อน

                      เอ่อ...ผม กร ครับ

                      พริบตานั้นภาพที่อยู่ตรงหน้าของผมก็ดำมืดไป ผมกวัดแกว่งมือคว้าอากาศไปรอบๆอย่างทำอะไรไม่ถูกแต่กลับไม่สัมผัสถูกอะไรเลยแม้หญ้าสักต้น แล้วผมก็ลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงนอนในสภาพเหงื่อท่วมตัว

                      ความฝัน?...ระริน...เธอคนนั้นผมจะได้พบเธออีกสักครั้งไหม...

                      แต่แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิด จากวันนั้นผมก็ฝันเช่นนี้เรื่อยมา ผมได้พบกับระรินและเราได้พูดคุยกันเช่นนี้ทุกวันจนสนิทสนมกัน

      เธอบอกว่าเธอไม่ค่อยได้ออกจากห้องของเธอแต่เธอชอบวาดรูป จึงมักจะมองออกนอกห้องแล้ววาดรูปสิ่งที่เห็นอยู่เสมอ นั่นคือสิ่งที่เธอมีความสุขมาก

      เมื่อผมเล่าเรื่องของผมให้เธอฟังบ้าง เธอก็ดูสนใจมากเป็นพิเศษ  ทั้งเรื่องที่ผมเรียนหมอไปด้วยและทำงานเป็นอาสาสมัครดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลเล็กๆแห่งหนึ่งหลังจากที่ผมเสียพ่อกับแม่ไปด้วยอุบัติเหตุ  เธอกล่าวชื่นชมกับผมด้วยแววตาที่จริงใจทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น

      ทุกครั้งที่เราพบกันเธอจะร่างภาพใหม่บนแผ่นภาพที่ว่างเปล่า และยังไม่ทันที่เธอจะวาดเสร็จผมก็จะตื่นขึ้นมาเสียก่อน  ภาพแล้วภาพเล่าวันแล้ววันเล่า ผมจึงไม่อาจรู้ได้เลยว่าภาพที่เธอวาดแต่ละภาพเป็นภาพอะไร หากแต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้ดี นั่นก็คือ ผมตกหลุมรักเธอเข้าแล้ว นางในฝันที่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร

      แต่แล้วหัวใจของผมก็แหลกสลาย จู่ๆวันหนึ่งเธอกลับผอมซูบและสีหน้าแย่มาก ตอนที่ผมพบเธอ เธอกำลังนอนทอดกายไปกับพื้นหญ้า โดยที่ในมือของเธอยังจับดินสอด้วยนิ้วที่แทบจะไม่มีแรงของเธอ ผมประคองเธอขึ้นมาแล้วเขย่าเธอเบาๆ ดวงตาที่เคยสดใสของเธอลืมขึ้นมาช้าๆ เธอหันมามองผมแล้วพยายามยิ้มให้ผม เธอพยายามขยับปากพูดแต่ปากของเธอเหมือนกับค้างแข็งอยู่และไม่มีเสียงใสๆแว่วออกมาเลย

      ผมกอดเธอไว้แนบอกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลหลั่งอย่างเสียสติ เธอผู้เป็นที่รักของผมกำลังทรมานแต่ผมกลับช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย พริบตานั้นร่างของเธอก็หายไปกลายเป็นเหมือนเมฆ พร้อมๆกับที่ผมลืมตาตื่นขึ้นมา

      แล้วผมก็ไม่ฝันเช่นนั้นอีกเลย...

      จากวันนั้นผมก็เหมือนคนบ้า ผมออกตามหาเธอในโลกแห่งความจริงอันกว้างใหญ่ แม้ว่าใครๆจะหาว่าผมเสียสติแต่ก็ไม่ทำให้ผมเกิดความท้อ ผมรู้สึกได้ว่าเธออยู่ใกล้ๆผม และผมจะต้องหาเธอให้เจอ แต่เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ผู้หญิงที่ชื่อระรินที่ผมพบไม่มีใครใช่เธอเลยสักคน

      แม้กระนั้นผมก็ไม่อาจทิ้งการเรียนและงานอาสาที่เธอประทับใจได้ ผมจึงก้มหน้าก้มตาทำไปพร้อมๆกับตามหาเธอด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลือ จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมได้รับมอบหมายให้ไปดูแลผู้ป่วยคนหนึ่ง

      ภายในห้องพักผู้ป่วยเต็มไปด้วยขาตั้งสำหรับวาดภาพที่มีผ้าคลุมอยู่จนแทบไม่มีทางเดิน ผมเดินอย่างระวังไม่ให้ไปชนเข้ากับรูปแต่แล้วก็ไปเกี่ยวเอาผ้าที่คลุมไว้หลุดออกมา

      ภาพของผม!!! แม้จะไม่ใช่ภาพเหมือนแต่ผมก็รู้ว่านั่นคือผม เพราะนั่นคือภาพที่ผู้ชายในชุดอาสาสมัครของโรงพยาบาลนี้กำลังเล่นกับเด็กเล็กๆ ซึ่งผมจำได้ดีว่ามีเพียงผมคนเดียวที่ทำแบบนี้ ผมรีบเปิดผ้าคลุมอื่นๆออก ทุกภาพ ล้วนเป็นภาพของผมทั้งสิ้น นี่มัน...หมายความว่า

      ระริน!!! ” ผมรีบวิ่งไปที่เตียงของผู้ป่วย ใช่เธอจริงๆ นางในฝันของผมอยู่ที่นี่แล้ว เธอถูกสวมด้วยเครื่องช่วยหายใจทางปาก สายน้ำเกลือและเครื่องมือต่างๆถูกใช้เพื่อช่วยชีวิตเธอ สภาพของเธอตอนนี้เหมือนกับครั้งสุดท้ายที่ผมพบเธอไม่มีผิด ผมกุมมือของเธอเอาไว้แน่น

      ระริน!!! ผมอยู่นี่แล้ว!!! ” เสียงที่สั่นเครือ น้ำตาที่ไม่อาจห้าม ผมพูดวนไปวนมาอย่างบ้าคลั่ง ผมรักคุณ!!! ”

      แล้วจู่ๆเธอก็ลืมตาขึ้นมา ไม่มีครั้งไหนในชีวิตที่ผมจะดีใจได้เท่าครั้งนี้ เธอพยายามยิ้มทั้งที่เครื่องช่วยหายใจยังคาอยู่ เธอขยับนิ้วที่ผอมแห้งของเธอมาแตะที่ฝ่ามือผม แล้วเธอก็ค่อยๆลากนิ้วไปบนฝ่ามือของผมเบาๆ

       เธอเขียนรูปหัวใจ

       ผมยิ้มทั้งน้ำตาและหันกลับไปมองที่หน้าเธอ แต่...เธอได้จากผมไปแล้ว

      หลังจากนั้นไม่นานพ่อกับแม่ของเธอก็เดินเข้ามาในห้อง ท่านได้มอบจดหมายที่เธอเขียนก่อนจะอาการทรุดหนักให้กับผม เพราะนั่นเป็นความต้องการของเธอรวมถึงการที่เรียกให้ผมมาดูแลเธอในวันนี้ทั้งๆที่มันสายเกินไปที่จะช่วยได้อีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาเธออายในสภาพร่างกายของเธอมาตลอดจนไม่กล้าที่จะพบกับผม

       ใจความจดหมายนั้นกล่าวว่าเพราะอาการป่วยของเธอทำให้เธอไม่สามารถออกนอกห้องพักได้ เธอเหงาและรู้สึกเดียวดายมากได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆเท่านั้น

      จนกระทั่งวันที่เธอมองลงมาจากหน้าต่างและพบผมที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อาสาสมัครกับผู้ป่วยเด็กๆอยู่เธอเกิดความประทับใจมากจึงได้วาดรูปนั้นขึ้นมา และนั่นก็สร้างความสุขให้กับเธอมาก

      ทุกๆวันเธอจะเฝ้ามองผมจากหน้าต่างอยู่เสมอ เธอ...รักผมมาตลอด

      ความปรารถนาสุดท้ายเพียงอย่างเดียวของฉันคือการได้พบคุณ แต่ร่างกายของฉันไม่ไหวเสียแล้ว… ”

      แล้วผมก็ทรุดลงไปนั่งร้องไห้กับพื้นอย่างบ้าคลั่ง ผมร้องตะโกนเสียงดังอย่างโหนหวนด้วยความทุกข์ทรมานใจราวกับว่าหัวใจของผมมันกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำว่าเธอมองผมอยู่ ผมไม่เคยรู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำว่าเธออยู่ใกล้ผมถึงเพียงนี้

      ระริน...ผมขอโทษ  ผมควรที่จะรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ว่าคุณอยู่ที่ไหน ผมควรจะรู้ตัวให้เร็วกว่านี้ว่าคุณรักผมมากแค่ไหน ผมอยากจะเฝ้ามองคุณให้นานกว่านี้ อยากจะเห็นใบหน้าและรอยยิ้มที่สดใสของคุณนานกว่านี้ แต่ไม่ว่าจะพูดขอโทษสักกี่ครั้งจะเสียใจสักกี่หนคุณก็ไม่อาจกลับมาหาผมได้อีกแล้ว

      ผมมาพบเธอสายเกินไปเสียแล้ว...

      ผมไม่รู้ว่าความฝันนั้นคืออะไร...แต่เธอมีอยู่จริง สำหรับผมแล้ว มันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของผมที่ทำให้ผมได้พบกับเธอ ที่ทำให้ผมได้รักเธอ...

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×